สถานการณ์การผลิตและการตลาดรายสัปดาห์ 31 พฤษภาคม- 6 มิถุนายน 2564

 

ข้าว
 
1.สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาในประเทศ
1.1 มาตรการสินค้าข้าว
1) แผนการผลิตและการตลาดข้าวครบวงจร ปีการผลิต 2563/64 ประกอบด้วย 5 ช่วง ดังนี้
ช่วงที่ 1 การกำหนดอุปสงค์และอุปทานข้าว ได้กำหนดอุปสงค์ 28.786 ล้านตันข้าวเปลือกอุปทาน 30.865 ล้านตันข้าวเปลือก
ช่วงที่ 2 ช่วงการผลิตข้าว
2.1) การวางแผนการผลิตข้าว กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้มีการวางแผนการผลิตข้าว ปี 2563/64
รวม 69.409 ล้านไร่ คาดการณ์ผลผลิต 30.865 ล้านตันข้าวเปลือก จำแนกเป็น รอบที่ 1 พื้นที่ 59.884 ล้านไร่ คาดการณ์ผลผลิต 24.738 ล้านตันข้าวเปลือก และรอบที่ 2 พื้นที่ 9.525 ล้านไร่ คาดการณ์ผลผลิต 6.127 ล้านตันข้าวเปลือก โดยสามารถปรับสมดุลการผลิตได้ในการวางแผนรอบที่ 2 หากราคามีความอ่อนไหว ความต้องการใช้ข้าวลดลง และสถานการณ์น้ำน้อย รวมทั้งการปรับลดพื้นที่การปลูกข้าวไปปลูกพืชอื่น โดยจะมีการทบทวนโครงการ
ลดรอบการปลูกข้าวก่อนฤดูกาลเพาะปลูกข้าวรอบที่ 2
2.2) การจัดทำพื้นที่เป้าหมายส่งเสริมการปลูกข้าว กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้มีการจัดทำพื้นที่เป้าหมายส่งเสริมการปลูกข้าว ปี 2563/64 รอบที่ 1 จำนวน 59.884 ล้านไร่ แยกเป็น 1) ข้าวหอมมะลิ 27.500 ล้านไร่ ผลผลิต 9.161 ล้านตันข้าวเปลือก 2) ข้าวหอมไทย 2.084 ล้านไร่ ผลผลิต 1.396 ล้านตันข้าวเปลือก 3) ข้าวเจ้า 13.488 ล้านไร่ ผลผลิต 8.192 ล้านตันข้าวเปลือก 4) ข้าวเหนียว 16.253 ล้านไร่ ผลผลิต 5.770 ล้านตันข้าวเปลือก และ 5) ข้าวตลาดเฉพาะ 0.559 ล้านไร่ ผลผลิต 0.219 ล้านตันข้าวเปลือก
2.3) การจัดการปัจจัยการผลิต ได้แก่ โครงการผลิตและกระจายเมล็ดพันธุ์ดี และควบคุมค่าเช่าที่นา
2.4) การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตข้าว ได้แก่โครงการส่งเสริมระบบนาแบบแปลงใหญ่โครงการส่งเสริมการผลิตข้าวอินทรีย์ โครงการส่งเสริมการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงในการผลิตพืช โครงการเพิ่มศักยภาพการผลิตข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้สู่มาตรฐานเกษตรอินทรีย์ โครงการส่งเสริมการผลิตข้าวกข43 และข้าวเจ้าพื้นนุ่ม (กข79) และโครงการรักษาระดับปริมาณการผลิตและคุณภาพข้าว
2.5) การควบคุมปริมาณการผลิตข้าว ได้แก่ โครงการส่งเสริมการปลูกพืชหลากหลาย
2.6) การพัฒนาชาวนา ได้แก่ โครงการชาวนาปราดเปรื่อง
2.7) การวิจัยและพัฒนา ได้แก่ โครงการปรับปรุงและการรับรองพันธุ์ข้าวคุณภาพดีเพื่อการแข่งขัน และโครงการปรับปรุงและการรับรองพันธุ์ข้าวเจ้าพื้นนุ่มพันธุ์ใหม่
2.8) การประกันภัยพืชผล ได้แก่ โครงการประกันภัยข้าวนาปี
ช่วงที่ 3 ช่วงการเก็บเกี่ยวและหลังเก็บเกี่ยว ได้แก่ โครงการสินเชื่อเพื่อสร้างยุ้งฉางให้เกษตรกรและสถาบันเกษตรกร
ช่วงที่ 4 ช่วงการตลาดในประเทศ
4.1) การพัฒนาตลาดสินค้าข้าว ได้แก่ โครงการเชื่อมโยงตลาดข้าวอินทรีย์และข้าว GAP ครบวงจร และโครงการรณรงค์บริโภคข้าวและผลิตภัณฑ์ข้าวของไทยทั้งตลาดภายในประเทศและต่างประเทศ
4.2) การชะลอผลผลิตออกสู่ตลาด ได้แก่โครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปีโครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกรโครงการชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต็อกและโครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว
ช่วงที่ 5 ช่วงการตลาดต่างประเทศ
5.1) การจัดหาและเชื่อมโยงตลาดต่างประเทศ ได้แก่ การเจรจาขยายตลาดข้าวและกระชับความสัมพันธ์ทางการค้าในต่างประเทศ โครงการกระชับความสัมพันธ์ และรณรงค์สร้างการรับรู้ในศักยภาพข้าวไทยเพื่อขยายตลาดไทยในต่างประเทศ และโครงการ ลด/แก้ไขปัญหาอุปสรรคทางการค้าข้าวไทยและเสริมสร้างความเชื่อมั่น
5.2) ส่งเสริมภาพลักษณ์และประชาสัมพันธ์ข้าว ผลิตภัณฑ์ข้าวและนวัตกรรมข้าว ได้แก่ โครงการส่งเสริมและขยายตลาดข้าวไทยเชิงรุก โครงการผลักดันข้าวหอมมะลิไทยคุณภาพดีจากแหล่งผลิตสู่ตลาดโลก โครงการส่งเสริมและประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์ข้าวไทยในงานแสดงสินค้านานาชาติ โครงการจัดประชุม Thailand Rice Convention 2021 และโครงการเสริมสร้างศักยภาพสินค้าเกษตรนวัตกรรมไทยเพื่อการต่อยอดเชิงพาณิชย์
5.3) ส่งเสริมพัฒนาการค้าสินค้ามาตรฐาน และปกป้องคุ้มครองเครื่องหมายการค้า/เครื่องหมายรับรองข้าวหอมมะลิไทย
5.4) ประชาสัมพันธ์รณรงค์บริโภคข้าวและผลิตภัณฑ์ข้าวของไทยในตลาดข้าวต่างประเทศ
2) มาตรการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2563/64
มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน 2563 อนุมัติโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2563/64มาตรการคู่ขนานโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2563/64 และโครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2563/64 และงบประมาณ ดังนี้
2.1) โครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2563/64 รอบที่ 1 โดยกำหนดชนิดข้าว ราคา และปริมาณประกันรายได้ (ณ ราคาความชื้นไม่เกิน 15%) ดังนี้ (1) ข้าวเปลือกหอมมะลิ ราคาประกันตันละ 15,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 14 ตัน (2) ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ ราคาประกันตันละ 14,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 16 ตัน (3) ข้าวเปลือกเจ้า ราคาประกันตันละ 10,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 30 ตัน (4) ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี ราคาประกันตันละ 11,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 25 ตัน และ (5) ข้าวเปลือกเหนียว ราคาประกันตันละ 12,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 16 ตัน
2.2) มาตรการคู่ขนานโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2563/64 ประกอบด้วย
3 มาตรการ ได้แก่
(1)โครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2563/64 โดย ธ.ก.ส. สนับสนุนสินเชื่อให้เกษตรกรและสถาบันเกษตรกรในเขตพื้นที่ปลูกข้าวทั่วประเทศ เพื่อชะลอข้าวเปลือกไว้ในยุ้งฉางเกษตรกรและสถาบันเกษตรกร จำนวน 1.82 ล้านตันข้าวเปลือก วงเงินสินเชื่อต่อตัน จำแนกเป็น ข้าวเปลือกหอมมะลิ ตันละ 11,000 บาทข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ ตันละ 9,500 บาท ข้าวเปลือกเจ้า ตันละ 5,400 บาท ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี ตันละ 7,300 บาท และข้าวเปลือกเหนียวตันละ 8,600 บาทรวมทั้งเกษตรกรที่เก็บข้าวเปลือกในยุ้งฉางตนเอง จะได้รับค่าฝากเก็บและรักษาคุณภาพข้าวเปลือกในอัตราตันละ 1,500 บาท สำหรับสถาบันเกษตรกรที่รับซื้อข้าวเปลือกจากเกษตรกรที่
เข้าร่วมโครงการฯ ได้รับในอัตราตันละ 1,000 บาท และเกษตรกรผู้ขายข้าวเปลือก ได้รับในอัตราตันละ 500 บาท
(2) โครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกรปีการผลิต 2563/64โดย ธ.ก.ส. สนับสนุนสินเชื่อแก่สถาบันเกษตรกร ประกอบด้วย สหกรณ์การเกษตร กลุ่มเกษตรกร วิสาหกิจชุมชน และศูนย์ข้าวชุมชน เพื่อรวบรวมข้าวเปลือกจำหน่าย และ/หรือเพื่อการแปรรูป วงเงินสินเชื่อเป้าหมาย 15,000 ล้านบาท
คิดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ร้อยละ 4 ต่อปี โดยสถาบันเกษตรกรรับภาระดอกเบี้ย ร้อยละ 1 ต่อปี รัฐบาลรับภาระชดเชยดอกเบี้ยให้สถาบันเกษตรกรร้อยละ 3 ต่อปี
(3)โครงการชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต็อก ปีการผลิต 2563/64 ผู้ประกอบการค้าข้าวรับซื้อข้าวเปลือกเพื่อเก็บสต็อก เป้าหมาย 4 ล้านตันข้าวเปลือก โดยสามารถรับซื้อจากเกษตรกร
ได้ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2563 - 31 มีนาคม 2564 (ภาคใต้ 1 มกราคม - 30 มิถุนายน 2564) และเก็บสต็อกในรูปข้าวเปลือกและข้าวสาร ระยะเวลาการเก็บสต็อกอย่างน้อย 60 - 180 วัน (2 - 6 เดือน)นับแต่วันที่รับซื้อ โดยรัฐชดเชยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 3
3) โครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2563/64
ธ.ก.ส. ดำเนินการจ่ายเงินให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวที่ขึ้นทะเบียนกับกรมส่งเสริมการเกษตร  เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน ลดต้นทุนการผลิต ให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มมากขึ้น ในอัตราไร่ละ 1,000 บาท ไม่เกินครัวเรือนละ 20 ไร่ (ครัวเรือนละไม่เกิน 20,000 บาท) ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์ขอดำเนินการจ่ายเงินเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกข้าว
ปีการผลิต 2563/64 รอบที่ 1 กับกรมส่งเสริมการเกษตร ในอัตราไร่ละ 500 บาท ไม่เกินครัวเรือนละ 20 ไร่ หรือครัวเรือนละไม่เกิน 10,000 บาท ก่อนในเบื้องต้น
1.2 ราคา
1) ราคาที่เกษตรกรขายได้ทั้งประเทศ
ข้าวเปลือกเจ้านาปีหอมมะลิ สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 11,170 บาท ราคาลดลงจากตันละ 11,324 บาท
ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 1.36
ข้าวเปลือกเจ้าความชื้น 15% สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 8,645 บาท ราคาเพิ่มขึ้นจากตันละ 8,619 บาท
ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.30
2) ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ข้าวหอมมะลิ 100% ชั้น 1 (ใหม่) สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 23,050 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ข้าวขาว 5% (ใหม่) สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 13,600 บาท ราคาลดลงจากตันละ 13,750 บาท ในสัปดาห์ก่อน
ร้อยละ 1.09
3) ราคาส่งออกเอฟโอบี
ข้าวหอมมะลิไทย 100% (ใหม่) สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 782 ดอลลาร์สหรัฐฯ (24,192 บาท/ตัน) ราคาเพิ่มขึ้นจากตันละ 778 ดอลลาร์สหรัฐฯ (24,162 บาท/ตัน) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.51 และเพิ่มขึ้นในรูปเงินบาทตันละ 30 บาท
ข้าวขาว 5% สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 490 ดอลลาร์สหรัฐฯ (15,159 บาท/ตัน) ราคาเพิ่มขึ้นจากตันละ 487 ดอลลาร์สหรัฐฯ (15,125 บาท/ตัน) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.62 และเพิ่มขึ้นในรูปเงินบาทตันละ 34 บาท
ข้าวนึ่ง 5% สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 490 ดอลลาร์สหรัฐฯ (15,159 บาท/ตัน) ราคาเพิ่มขึ้นจากตันละ 487 ดอลลาร์สหรัฐฯ (15,125 บาท/ตัน) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.62 และเพิ่มขึ้นในรูปเงินบาทตันละ 34 บาท
หมายเหตุ : อัตราแลกเปลี่ยนสัปดาห์นี้ 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ เท่ากับ 30.9367 บาท
2. สถานการณ์ข้าวของประเทศผู้ผลิตและผู้บริโภคที่สำคัญ
          เวียดนาม
          สัปดาห์ที่ผ่านมา ภาวะราคาข้าวยังคงทรงตัวในระดับสูงติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่สาม ท่ามกลางภาวการณ์ค้าที่
ชะลอตัวลงเนื่องจากความต้องการข้าวจากต่างประเทศลดน้อยลง ขณะที่อุปทานข้าวในตลาดเริ่มมีน้อยลง ทำให้ผู้ส่งออกลังเลที่จะทำสัญญาขายข้าวฉบับใหม่ ประกอบกับยังไม่มั่นใจว่าจะส่งมอบข้าวได้ทันตามกำหนดหรือไม่ เพราะยังมีปัญหาขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์โดยเฉพาะที่ต้องส่งมอบไปยังปลายทางในตะวันออกกลางและยุโรป ขณะที่ผู้ค้าข้าวบางส่วนรอดูผลผลิตข้าวฤดูใหม่ (summer-autumn crop) ที่จะเริ่มเก็บเกี่ยวในไม่ช้านี้ โดยข้าวขาว 5% ราคายังคงอยู่ที่ 490-495 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อตัน เท่ากับสัปดาห์ก่อน อย่างไรก็ตาม วงการค้าคาดว่า ความต้องการข้าวจากต่างประเทศ โดยเฉพาะจีนและฟิลิปปินส์จะกลับเข้ามาอีกครั้งในไม่ช้านี้
          จีนเป็นตลาดส่งออกที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของเวียดนาม โดยมีมูลค่าการส่งออกในช่วง 4 เดือนแรกของปี 2564 ประมาณ 16,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 32.4 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน นอกจากนี้ จีนยังเป็นแหล่งนำเข้าที่ใหญ่ที่สุดของเวียดนาม โดยนำเข้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 47.8 ในช่วงการแพร่ระบาดของ COVID-19 โดยสินค้าผัก กาแฟ ข้าว มันสำปะหลัง ผลิตภัณฑ์จากมันสำปะหลัง และอาหารทะเล เป็นสินค้าที่มีสัดส่วนการส่งออกมากที่สุด
          กระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าได้ดำเนินมาตรการ เพื่อกระตุ้นการส่งออกไปยังประเทศจีน ซึ่งประกอบด้วย การตรวจสอบสุขอนามัยพืช การตรวจสอบย้อนกลับแหล่งกำเนิด การพัฒนาตราสินค้า และการออกใบรับรองคุณสมบัติ
          ทั้งนี้ จีนถือเป็นตลาดหลักสำหรับผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรของเวียดนาม โดยมีสัดส่วนประมาณร้อยละ 28 ของการส่งออกสินค้าเกษตรและประมงทั้งหมดของเวียดนาม ซึ่งมีสินค้าที่มีมูลค่าการซื้อขายสูง เช่น ผัก เม็ดมะม่วงหิมพานต์ กาแฟ ข้าว มัน สำปะหลัง และผลิตภัณฑ์จากมันสำปะหลัง ผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำ เป็นต้น เนื่องจากเป็นตลาดใหญ่ที่มี
ความต้องการสูง รวมถึงข้อได้เปรียบในการขนส่งสินค้าที่มีต้นทุนต่ำกว่าประเทศอื่น เนื่องจากมีชายแดนติดกับจีน
          ที่มา : สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย และ Oryza.com
          อินเดีย
          ราคาข้าวในสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับตัวสูงขึ้นเป็นสัปดาห์ที่สอง เนื่องจากค่าเงินรูปีแข็งค่าขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 2 เดือน โดยข้าวนึ่ง 5% ราคาอยู่ที่ระดับ 382-388 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อตัน เพิ่มขึ้นจากระดับ 379-385 ดอลลาร์สหรัฐฯ
ต่อตัน เมื่อสัปดาห์ก่อน อย่างไรก็ตาม ราคาข้าวของอินเดียยังคงต่ำกว่าประเทศคู่แข่งอื่นค่อนข้างมาก
          วงการค้าข้าวระบุว่า ความต้องการข้าวจากต่างประทศค่อนข้างทรงตัว ขณะที่การขนส่งและขนถ่ายสินค้าข้าว
ที่ท่าเรือ 2-3 แห่ง ต้องหยุดชะงักเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากพายุไซโคลนยาอาสเคลื่อนขึ้นฝั่งที่รัฐกัลกัตตา
          นาย BV Krishna Rao ประธานสมาคมผู้ส่งออกข้าวอินเดีย (The Rice Exporters Association) ระบุว่า การที่รัฐบาลฟิลิปปินส์ปรับลดภาษีนำเข้าข้าวลงเหลือร้อยละ 35 เป็นระยะเวลา 1 ปีนั้น คาดว่า จะเพิ่มโอกาสในการส่งออกข้าวของอินเดียไปยังตลาดฟิลิปปินส์ได้มากขึ้น อย่างไรก็ตาม อินเดียมีข้อเสียเปรียบที่ผู้ส่งออกข้าวต้องเผชิญคือ ต้องมีการใช้เรือแบบเทกอง (break bulk vessels) จำนวนมาก เนื่องจากการขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ส่งผลกระทบต่อการส่งออกข้าวประกอบกับต้นทุนของค่าขนส่งทางตู้คอนเทนเนอร์สูงขึ้น โดยขณะนี้อินเดียมีเรือแบบเทกองที่มีความพร้อมน้อย ซึ่งทำให้เกิดปัญหาการส่งมอบข้าว
          กระทรวงเกษตร (Ministry of Agriculture and Farmers Welfare) รายงานว่า การเพาะปลูกข้าวในช่วงฤดูร้อน ณ วันที่ 28 พฤษภาคม 2021 เพาะปลูกแล้วประมาณ 24.75 ล้านไร่ เพิ่มขึ้นร้อยละ 15 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของ
ปีที่ผ่านมา โดยที่การเพาะปลูกข้าวของเกษตรกรไม่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของเชื้อ COVID-19
          ผลการพยากรณ์ผลผลิตธัญพืชครั้งที่ 3 ณ วันที่ 25 พฤษภาคม 2021 โดยคาดว่า ในปีการผลิต 2020/21 (กรกฎาคม 2020-มิถุนายน 2021) จะมีผลผลิตข้าวประมาณ 121.46 ล้านตัน สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 119.6 ล้านตัน ประกอบด้วยผลผลิตในฤดูการผลิต the Kharif season (มิถุนายน-ธันวาคม) ประมาณ 104.3 ล้านตัน สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 102.6 ล้านตัน และในฤดูการผลิต the Rabi season (พฤศจิกายน-พฤษภาคม) ประมาณ 17.16 ล้านตัน สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 17 ล้านตัน
          ก่อนหน้านี้ กระทรวงเกษตร รายงานว่า รัฐบาลอินเดียได้ตั้งเป้าผลผลิตข้าวในปีการผลิต 2020/21 (กรกฎาคม 2020-มิถุนายน 2021) ไว้ที่ประมาณ 121.1 ล้านตัน ประกอบด้วยผลผลิตในฤดูการผลิต theKharif season (มิถุนายน-ธันวาคม) ประมาณ 104.3 ล้านตัน และในฤดูการผลิต the Rabi season(พฤศจิกายน-พฤษภาคม) ประมาณ 16.8 ล้านตัน
          กระทรวงเกษตรและสวัสดิการเกษตรกร (the Ministry of Agriculture & Farmers Welfare) รายงานว่า โครงการจัดหาข้าวของรัฐบาลในฤดูการผลิต Kharif (Kharif marketing season; KMS) ของปี 2020/21 (เริ่มตั้งแต่ 26-28 กันยายน 2020-30 กันยายน 2021) ข้อมูล ณ วันที่ 25 พฤษภาคม 2021 สามารถจัดหาข้าวเปลือกได้แล้วประมาณ 78.787 ล้านตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 9.23 เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา (ประกอบด้วยข้าวฤดูการผลิต Kharif crop ประมาณ 70.662 ล้านตัน และจากฤดูการผลิต Rabi rice crop (พฤศจิกายน-พฤษภาคม) ประมาณ 8.125 ล้านตัน) และมากกว่าปริมาณที่จัดหาได้เมื่อปีที่แล้ว (KMS 2019/20) ที่จัดหาได้มากที่สุดเป็นประวัติการณ์ที่ 77.345 ล้านตัน
          โดยจัดหาได้จากรัฐ Punjab ประมาณ 20.282 ล้านตัน ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 26.2 ของข้าวที่จัดหาทั้งหมด ตามด้วยรัฐ Telangana ร้อยละ 11.5 รัฐ Uttar Pradesh ร้อยละ 8.6 รัฐ Odisha ร้อยละ 8.4 รัฐ Chattisgarh ร้อยละ 7.87
รัฐ Haryana ร้อยละ 7.3 รัฐAndhra Pradesh ร้อยละ 7.3 รัฐ Madhya Pradesh ร้อยละ 4.8 รัฐ Bihar ร้อยละ 4.5
รัฐ Tamil Nadu ร้อยละ 4.1 และรัฐอื่นร้อยละ 8.5 โดยมีเกษตรกรที่ได้รับผลประโยชน์จากโครงการนี้แล้วประมาณ 11.704 ล้านราย คิดเป็นมูลค่าประมาณ 20.5073 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (คิดจากราคาเฉลี่ยของข้าวที่รัฐบาลรับซื้อประมาณ 259 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน)
          รัฐบาลอินเดียคาดว่าโครงการจัดหาข้าวในฤดู Kharif crop season ของปีการผลิต 2020/21 ซึ่งเริ่มมาตั้งแต่วันที่ 26 กันยายน 2020 และจะสิ้นสุดในวันที่ 30 กันยายน 2021 จะสามารถจัดหาข้าวได้มากถึง 74.2 ล้านตัน เพิ่มขึ้นประมาณ ร้อยละ 18 เมื่อเทียบกับปี 2019/20 ที่ผ่านมา โดยรัฐบาลได้เพิ่มจุดรับซื้อข้าวเพิ่มขึ้นจาก 30,709 จุด เป็น 39,122 จุด
ทั่วประเทศ โดยคาดว่าจะมีเกษตรกรได้รับประโยชน์จากโครงการนี้ประมาณ 15.7 ล้านราย และคาดว่าจะมีการจ่ายเงินให้เกษตรกรประมาณ 1,400,780 ล้านรูปี หรือประมาณ 18,786 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
          เมื่อต้นเดือนมิถุนายน 2020 ที่ผ่านมา รัฐบาลได้ประกาศราคารับซื้อข้าวขั้นต่ำ (the minimum support price; MSP) สำหรับฤดูการผลิต Kharif (มิถุนายน-กันยายน) สำหรับปี 2020/21 (ตุลาคม 2020-กันยายน 2021) โดยรัฐบาล
ได้ประเมินต้นทุนการผลิตของเกษตรกรในปี 2020/21 เฉลี่ยอยู่ที่ 1,245 รูปีต่อ 100 กิโลกรัม (ประมาณ166 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน) ดังนั้น เพื่อให้เกษตรกรมีผลกำไรประมาณร้อยละ 50 จากการเพาะปลูกข้าว รัฐบาลจึงกำหนดราคารับซื้อขั้นต่ำสำหรับข้าวคุณภาพธรรมดาไว้ที่ 1,868 รูปีต่อ 100 กิโลกรัม (ประมาณ 249 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน) เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.4 จาก 1,815 รูปีต่อ 100 กิโลกรัม (ประมาณ 242 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน) ในปี 2019/20 ขณะที่ข้าวคุณภาพดี (Grade ‘A’ paddy) กำหนดไว้ที่ 1,888 รูปีต่อ 100 กิโลกรัม (ประมาณ 251 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน) เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.9 จาก 1,835 รูปีต่อ 100 กิโลกรัม (ประมาณ 244 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน) ในปี 2019/20
          ที่มา : สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย และ Oryza.com


กราฟราคาที่เกษตรกรขายได้ข้าวเปลือกเจ้าความชื้น 15% และราคาขายส่งตลาด กทม. ข้าวสารเจ้า 5%

 


ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์

1. สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาในประเทศ
ราคาข้าวโพดภายในประเทศในช่วงสัปดาห์นี้ มีดังนี้

ราคาข้าวโพดที่เกษตรกรขายได้ความชื้นไม่เกิน 14.5% สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 7.84 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 7.68 บาท ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 2.08 และราคาข้าวโพดที่เกษตรกรขายได้ความชื้นเกิน 14.5% สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 6.25 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 6.21 ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.64
ราคาข้าวโพดขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ ที่โรงงานอาหารสัตว์รับซื้อ สัปดาห์นี้เฉลี่ย กิโลกรัมละ 9.54 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 9.35 บาท ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 2.03 และราคาขายส่งไซโลรับซื้อสัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 9.08 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 8.98 บาท ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 1.11
ราคาส่งออก เอฟ.โอ.บี. สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 311.50 ดอลลาร์สหรัฐ (9,636.77 บาท/ตัน) สูงขึ้นจากตันละ 303.75 ดอลลาร์สหรัฐ (9,439.92 บาท/ตัน) ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 2.55 และสูงขึ้นในรูปของเงินบาทตันละ 196.85 บาท
ราคาซื้อขายล่วงหน้าในตลาดชิคาโกเดือนกรกฎาคม 2564 ข้าวโพดเมล็ดเหลืองอเมริกัน ชั้น 2 สัปดาห์นี้เฉลี่ยบุชเชลละ 677.00 เซนต์ (8,366.62 บาท/ตัน) สูงขึ้นจากบุชเชลละ 642.00 เซนต์ (7,967.87 บาท/ตัน) ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 5.45 และสูงขึ้นในรูปของเงินบาทตันละ 398.75 บาท


 


มันสำปะหลัง

สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาภายในประเทศ
การผลิต
ผลผลิตมันสำปะหลัง ปี 2564 (เริ่มออกสู่ตลาดตั้งแต่เดือนตุลาคม 2563 – กันยายน 2564) คาดว่ามีพื้นที่เก็บเกี่ยว 9.163 ล้านไร่ ผลผลิต 30.108 ล้านตัน ผลผลิตต่อไร่ 3.286 ตัน เมื่อเทียบกับปี 2563 ที่มีพื้นที่เก็บเกี่ยว 8.918 ล้านไร่ ผลผลิต 28.999 ล้านตัน และผลผลิตต่อไร่ 3.252 ตัน พบว่า พื้นที่เก็บเกี่ยว ผลผลิตและผลผลิตต่อไร่ เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.75 ร้อยละ 3.82 และร้อยละ 1.05 ตามลำดับ โดยเดือนพฤษภาคม 2564 คาดว่าจะมีผลผลิตออกสู่ตลาด 1.475 ล้านตัน (ร้อยละ 4.78 ของผลผลิตทั้งหมด)
ทั้งนี้ผลผลิตมันสำปะหลังปี 2564 จะออกสู่ตลาดมากในช่วงเดือนมกราคม – มีนาคม 2564 ปริมาณ 18.40 ล้านตัน (ร้อยละ 61.13 ของผลผลิตทั้งหมด)
การตลาด
ผลผลิตมันสำปะหลังออกสู่ตลาดลดลง โดยผลผลิตมีคุณภาพต่ำ เนื่องจากมีฝนตก ทั้งนี้หัวมันสำปะหลังส่วนใหญ่ไหลเข้าสู่โรงงานแป้งมันสำปะหลัง
ราคาที่เกษตรกรขายได้ทั้งประเทศประจำสัปดาห์ สรุปได้ดังนี้
ราคาหัวมันสำปะหลังสด สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 1.87 บาท ราคาลดลงจากกิโลกรัมละ 1.90 บาท ในสัปดาห์ก่อนคิดเป็นร้อยละ 1.58
ราคามันเส้นสัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 5.76 บาท ราคาลดลงจากกิโลกรัมละ 5.84 บาท ในสัปดาห์ก่อนคิดเป็นร้อยละ 1.37
ราคาขายส่งในประเทศ
ราคาขายส่งมันเส้น (ส่งมอบ ณ คลังสินค้าเขต จ.ชลบุรี และ จ.อยุธยา) สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ7.09 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ราคาขายส่งแป้งมันสำปะหลังชั้นพิเศษ (ส่งมอบ ณ คลังสินค้าเขต กรุงเทพและปริมณฑล) สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 13.95 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ราคาส่งออก เอฟ.โอ.บี
ราคาส่งออกมันเส้น สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 260 ดอลลาร์สหรัฐฯ (8,044 บาทต่อตัน) ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน (8,075 บาทต่อตัน)
ราคาส่งออกแป้งมันสำปะหลัง สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 483 ดอลลาร์สหรัฐฯ (14,942 บาทต่อตัน) ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน (15,000 บาทต่อตัน)

 


ปาล์มน้ำมัน

1. สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาภายในประเทศ
สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร คาดว่าปี 2564 ผลผลิตปาล์มน้ำมันเดือนพฤษภาคมจะมีประมาณ 1.989 ล้านตัน คิดเป็นน้ำมันปาล์มดิบ 0.358 ล้านตัน สูงขึ้นจากผลผลิตปาล์มทะลาย 1.902 ล้านตัน คิดเป็นน้ำมันปาล์มดิบ 0.342 ล้านตัน ของเดือนเมษายน คิดเป็นร้อยละ 4.57 และร้อยละ 4.68 ตามลำดับ
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาผลปาล์มทะลาย สัปดาห์นี้เฉลี่ย กก.ละ 6.26 บาท สูงขึ้นจาก กก.ละ 5.96 บาทในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 5.03  
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาน้ำมันปาล์มดิบ สัปดาห์นี้เฉลี่ย กก.ละ 36.19 บาท ลดลงจาก กก.ละ 36.91 บาทในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 1.95
2. ภาวะการผลิต การตลาด และราคาในตลาดต่างประเทศ
สถานการณ์ในต่างประเทศ
อินเดียพิจารณาลดภาษีนำเข้าน้ำมันบริโภค หลังจากที่ราคาน้ำมันบริโภคในประเทศสูงขึ้น แต่ยังอยู่ในช่วงพิจารณา เนื่องจากหากลดภาษีนำเข้า น้ำมันนำเข้าอาจส่งผลกระทบต่อราคาพืชน้ำมันในประเทศได้ ปัจจุบันอินเดียพึ่งพาน้ำมันบริโภคจากการนำเข้าถึง 2 ใน 3 โดยเก็บภาษีนำเข้าน้ำมันปาล์มร้อยละ 32.50 และน้ำมันถั่วเหลืองร้อยละ 35.00 ซึ่งในกลุ่มคนที่ไม่เห็นด้วยให้มีการลดภาษีนำเข้านั้น เสนอให้ใช้ภาษีนำเข้ามาเป็นเงินอุดหนุนให้กับผู้บริโภค
ราคาในตลาดต่างประเทศ
ตลาดมาเลเซีย ราคาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันปาล์มดิบสัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 4,091.54 ดอลลาร์มาเลเซีย (31.36 บาท/กก.) ลดลงจากตันละ 4,305.46 ดอลลาร์มาเลเซีย (33.02 บาท/กก.) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 4.97    
ตลาดรอตเตอร์ดัม ราคาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันปาล์มดิบสัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 1,166.67 ดอลลาร์สหรัฐฯ (36.62 บาท/กก.) ลดลงจากตันละ 1,210.50 ดอลลาร์สหรัฐฯ (38.13 บาท/กก.) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 3.62
หมายเหตุ  :  ราคาในตลาดต่างประเทศเฉลี่ย 5 วัน

 


อ้อยและน้ำตาล
  1. สรุปภาวะการผลิต  การตลาดและราคาในประเทศ
           ไม่มีรายงาน
  1. สรุปภาวการณ์ผลิต การตลาดและราคาในต่างประเทศ
          ตามข้อมูลของ ISMA ณ วันที่ 31 พฤษภาคม โรงงานน้ำตาล 4 โรงงาน ในรัฐอุตรประเทศ ของอินเดียยังคงเปิดดำเนินการอยู่เทียบกับ 14 โรงงาน ในวันเดียวกันของปีที่แล้ว จนถึงขณะนี้รัฐอุตรประเทศผลิตน้ำตาลได้ 11.016 ล้านตัน ลดลงจาก 12.546 ล้านตัน ในปีที่แล้ว ในขณะเดียวกัน Balrampur Chini กล่าวว่า ในปีนี้ได้ผลิตเอทานอลไปแล้ว 170 ล้านลิตร โดยส่งมอบไปแล้ว 165 ล้านลิตร ยอดขายน้ำตาลของโรงงานในประเทศจีนเดือนพฤษภาคมน่าผิดหวัง และน่าจะสอดคล้องกับปีที่แล้วตามแหล่งข่าวในท้องถิ่นของจีน สต็อกน้ำตาลอุตสาหกรรมสูงอยู่ที่ประมาณ 900,000 ตัน อุปสงค์ยังคงคาดว่าจะเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตามด้วยสภาพอากาศที่อบอุ่นและเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว การออกใบอนุญาตนำเข้าที่จะเกิดขึ้นอาจส่งผลกระทบต่อยอดขายของโรงงาน



 

 
ถั่วเหลือง

1. ภาวะการผลิต การตลาด และราคาภายในประเทศ
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาถั่วเหลืองชนิดคละสัปดาห์นี้ ไม่มีรายงานราคา
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งถั่วเหลืองสกัดน้ำมันสัปดาห์นี้ กิโลกรัมละ 19.63 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา 
2. ภาวะการผลิต การตลาด และราคาในตลาดต่างประเทศ  
ราคาในตลาดต่างประเท (ตลาดชิคาโก)
ราคาซื้อขายล่วงหน้าเมล็ดถั่วเหลือง สัปดาห์นี้เฉลี่ยบุชเชลละ 1,560.90 เซนต์ (18.00 บาท/กก.) สูงขึ้นจากบุชเชลละ 1,521.00 เซนต์ (17.60 บาท/กก.) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 2.62
ราคาซื้อขายล่วงหน้ากากถั่วเหลือง สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 395.13 ดอลลาร์สหรัฐฯ (12.40 บาท/กก.) สูงขึ้นจากตันละ 391.22 ดอลลาร์สหรัฐฯ (12.32 บาท/กก.) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 1.00
ราคาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันถั่วเหลืองสัปดาห์นี้เฉลี่ยปอนด์ละ 69.49 เซนต์ (48.08 บาท/กก.) สูงขึ้นจากปอนด์ละ 66.02 เซนต์ (45.84 บาท/กก.) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 5.26


 

 
ยางพารา
 
 

 
ถั่วเขียว

สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาภายในประเทศ
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ถั่วเขียวผิวมันเมล็ดใหญ่คละ สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
ถั่วเขียวผิวมันเมล็ดเล็กคละ และถั่วเขียวผิวดำคละ สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ถั่วเขียวผิวมันเกรดเอ สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 30.00 บาท คงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ถั่วเขียวผิวมันเกรดบี สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 27.50 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 28.00 บาท
ในสัปดาห์ก่อน ร้อยละ 1.79
ถั่วเขียวผิวดำ ชั้น 1 สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 35.00 บาท คงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ถั่วเขียวผิวดำ ชั้น 2 สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 22.00 บาท คงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ถั่วนิ้วนางแดง สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 36.00 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 38.00 บาท ในสัปดาห์ก่อน ร้อยละ 5.26
ราคาส่งออก เอฟ.โอ.บี        
ถั่วเขียวผิวมันเกรดเอ สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 1,002.50 ดอลลาร์สหรัฐ (31.01 บาท/กก.) สูงขึ้นจากตันละ998.00 ดอลลาร์สหรัฐ (31.00 บาท/กก.) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.45 และเพิ่มขึ้นในรูปเงินบาทกิโลกรัมละ 0.01 บาท
ถั่วเขียวผิวมันเกรดบี สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 920.75 ดอลลาร์สหรัฐ (28.49 บาท/กก.) ลดลงจากตันละ 933.00 ดอลลาร์สหรัฐ (28.98 บาท/กก.) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 1.31 และลดลงในรูปเงินบาทกิโลกรัมละ 0.49 บาท
ถั่วเขียวผิวดำ ชั้น 1 สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 1,165.00 ดอลลาร์สหรัฐ (36.04 บาท/กก.) สูงขึ้นจากตันละ 1,160.25 ดอลลาร์สหรัฐ (36.03 บาท/กก.) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.41 และเพิ่มขึ้นในรูปเงินบาทกิโลกรัมละ 0.01 บาท
ถั่วเขียวผิวดำ ชั้น 2 สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 742.00 ดอลลาร์สหรัฐ (22.95 บาท/กก.) สูงขึ้นจากตันละ 739.00 ดอลลาร์สหรัฐ (22.95 บาท/กก.) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.41 แต่คงตัวในรูปเงินบาท
ถั่วนิ้วนางแดง สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 1,191.25 ดอลลาร์สหรัฐ (36.85 บาท/กก.) ลดลงจากตันละ 1,250.50 ดอลลาร์สหรัฐ (38.84 บาท/กก.) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 4.74 แต่ลดลงในรูปเงินบาทกิโลกรัมละ 1.99 บาท


 

 
ถั่วลิสง

สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาภายในประเทศ
ความเคลื่อนไหวของราคาประจำสัปดาห์ มีดังนี้
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาถั่วลิสงทั้งเปลือกแห้ง สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 51.93 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 55.39 บาท ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 6.25
ราคาถั่วลิสงทั้งเปลือกสด สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 29.51 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 32.68 บาท ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 9.70 
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาถั่วลิสงกะเทาะเปลือกชนิดคัดพิเศษ สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 57.50 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ราคาถั่วลิสงกะเทาะเปลือกชนิดคัดธรรมดา สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 54.00 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน


 

 
ฝ้าย

    สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาภายในประเทศ
          ราคาที่เกษตรกรขายได้
          ราคาฝ้ายรวมเมล็ดชนิดคละ สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
    

          ราคาซื้อ-ขายล่วงหน้าตลาดนิวยอร์ก (New York Cotton Futures)
          
ราคาซื้อ-ขายล่วงหน้า เพื่อส่งมอบเดือนกรกฎาคม 2564 สัปดาห์นี้เฉลี่ยปอนด์ละ 84.51 เซนต์(กิโลกรัมละ 58.48 บาท) สูงขึ้นจากปอนด์ละ 82.54 เซนต์ (กิโลกรัมละ 57.32 บาท)  ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 2.39 (สูงขึ้นในรูปของเงินบาทกิโลกรัมละ 1.16 บาท)

 

 
ไหม

ราคาเส้นไหมพื้นเมืองเกรด 1 สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 1,831 บาท สูงขึ้นจาก 1,812 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา คิดเป็นร้อยละ 1.03 โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 1,831 บาท ส่วนภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคใต้ไม่มีรายงาน
ราคาเส้นไหมพื้นเมืองเกรด 2 สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 1,577 บาท ลดลงจาก 1,548 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา คิดเป็นร้อยละ 1.88 โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 1,577 บาท ส่วนภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคใต้ไม่มีรายงาน  
ราคาเส้นไหมพื้นเมืองเกรด 3 สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 1,039 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา


 

 
ปศุสัตว์
 
สุกร
สถานการณ์การผลิต การค้า และราคาในประเทศ
  
ภาวะตลาดสุกรสัปดาห์นี้ ราคาสุกรมีชีวิตที่เกษตรกรขายได้ลดลง เมื่อเทียบกับสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากผลผลิตเนื้อสุกรที่ออกสู่ตลาดมีมากกว่าความต้องการของผู้บริโภคเป็นจำนวนมาก แนวโน้มสัปดาห์หน้าคาดว่าราคาจะทรงตัวหรือลดลงเล็กน้อย 
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
สุกรมีชีวิตพันธุ์ผสมน้ำหนัก 100 กิโลกรัมขึ้นไป ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ กิโลกรัมละ  73.00 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 73.91 คิดเป็นร้อยละ 1.23 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ กิโลกรัมละ 73.73 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กิโลกรัมละ 73.73 บาท ภาคกลาง กิโลกรัมละ 71.95 บาท และภาคใต้ กิโลกรัมละ 76.61 บาท ส่วนราคาลูกสุกรตามประกาศของบริษัท ซี.พี. ในสัปดาห์นี้  ตัวละ 2,400 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา 
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งสุกรมีชีวิต ณ แหล่งผลิตภาคกลาง จากกรมการค้าภายใน เฉลี่ยกิโลกรัมละ 74.50 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา 

ไก่เนื้อ
สถานการณ์การผลิต การค้า และราคาในประเทศ
 
สัปดาห์นี้ราคาไก่เนื้อมีชีวิตที่เกษตรกรขายได้ทรงตัว เท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากผลผลิตที่ออกสู่ตลาดสอดรับกับความต้องการของผู้บริโภค แนวโน้มสัปดาห์หน้าคาดว่าราคาจะทรงตัวหรือลดลงเล็กน้อย 
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาไก่เนื้อที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ กิโลกรัมละ 34.54 บาท ทรงตัวจากสัปดาห์ที่ผ่านมา ส่วนราคาลูกไก่เนื้อตามประกาศของบริษัท ซี.พี ในสัปดาห์นี้ ตัวละ 10.50 บาท ทรงตัวจากสัปดาห์ที่ผ่านมา 
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งไก่มีชีวิตหน้าโรงฆ่า จากกรมการค้าภายใน เฉลี่ยกิโลกรัมละ 33.50 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา และราคาขายส่งไก่สดทั้งตัวรวมเครื่องใน เฉลี่ยกิโลกรัมละ 48.00 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา

ไข่ไก่
สถานการณ์การผลิต การค้า และราคาในประเทศ
   
สถานการณ์ตลาดไข่ไก่สัปดาห์นี้ ราคาไข่ไก่ที่เกษตรกรขายได้สูงขึ้นจากสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากผู้บริโภคมีความต้องการผลผลิตไข่ไก่ที่ออกสู่ตลาดเป็นจำนวนมาก แนวโน้มสัปดาห์หน้าคาดว่าราคาจะทรงตัวหรือสูงขึ้นเล็กน้อย
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ                                                                                                                 
ราคาไข่ไก่ที่เกษตรกรขายได้ เฉลี่ยทั้งประเทศร้อยฟองละ 291 บาท สูงขึ้นจากร้อยฟองละ 290 บาท คิดเป็นร้อยละ 0.34 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ ร้อยฟองละ 291 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ร้อยฟองละ 280 บาท  ภาคกลางร้อยฟองละ 295 บาท และภาคใต้ไม่มีรายงาน ส่วนราคาลูกไก่ไข่ตามประกาศของบริษัท ซี.พี. ในสัปดาห์นี้ ตัวละ 28.00 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา  
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งไข่ไก่ (เฉลี่ยเบอร์ 0-4) ในตลาดกรุงเทพฯจากกรมการค้าภายใน เฉลี่ยร้อยฟองละ 328 บาท สูงขึ้นจากร้อยฟองละ 325 บาท คิดเป็นร้อยละ 0.92 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 

ไข่เป็ด
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ

ราคาไข่เป็ดที่เกษตรกรขายได้ เฉลี่ยทั้งประเทศร้อยฟองละ 336 บาท ลดลงจากร้อยฟองละ 339 บาท คิดเป็นร้อยละ 0.88 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ ร้อยฟองละ 351 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ร้อยฟองละ 353 บาท  ภาคกลางร้อยฟองละ 307 บาท และภาคใต้ร้อยฟองละ 343 บาท
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งไข่เป็ดคละ ณ แหล่งผลิตภาคกลาง จากกรมการค้าภายใน เฉลี่ยร้อยฟองละ 305 บาท ทรงตัวจากสัปดาห์ที่ผ่านมา 

โคเนื้อ
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
   
ราคาโคพันธุ์ลูกผสม (ขนาดกลาง) ที่เกษตรกรขายได้ เฉลี่ยทั้งประเทศกิโลกรัมละ 96.42 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 96.69 บาท คิดเป็นร้อยละ 0.28 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ กิโลกรัมละ 94.46 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กิโลกรัมละ 97.18 บาท ภาคกลาง กิโลกรัมละ 89.20 บาท และภาคใต้ กิโลกรัมละ 108.00 บาท

กระบือ
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ

ราคากระบือ (ขนาดกลาง) ที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศกิโลกรัมละ 76.69 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 77.28 บาท คิดเป็นร้อยละ 0.76 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ กิโลกรัมละ 88.59 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กิโลกรัมละ 74.40 บาท  ภาคกลางและภาคใต้ไม่มีรายงาน 

 

 
 

 
ประมง

สถานการณ์การผลิต การตลาดและราคาในประเทศ
1. การผลิต
ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา (ระหว่างวันที่ 31 พฤษภาคม – 6 มิถุนายน 2564) ไม่มีรายงานปริมาณจากองค์การสะพานปลากรุงเทพฯ
 2. การตลาด
ความเคลื่อนไหวของราคาสัตว์น้ำที่สำคัญประจำสัปดาห์นี้มีดังนี้ คือ
2.1 ปลาดุกบิ๊กอุย (ขนาด 3 - 4 ตัว/กก.) ราคาที่ชาวประมงขายได้สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ เฉลี่ยกิโลกรัมละ 80.00 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
2.2 ปลาช่อน (ขนาดกลาง) ราคาที่ชาวประมงขายได้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 76.16 บาท ราคาลดลงจากกิโลกรัมละ 77.33 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 1.17 บาท
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ เฉลี่ยกิโลกรัมละ 140.00 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
2.3 กุ้งกุลาดำ ราคาที่ชาวประมงขายได้ขนาด 60 ตัวต่อกิโลกรัมและราคา ณ ตลาดทะเลไทย จ.สมุทรสาครขนาดกลาง (60 ตัว/กก.) ไม่มีรายงานราคา
2.4 กุ้งขาวแวนนาไม ราคาที่ชาวประมงขายได้ขนาด 70 ตัวต่อกิโลกรัม เฉลี่ยกิโลกรัมละ 139.03 บาท ราคาสูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 136.44 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 2.59 บาท
สำหรับราคา ณ ตลาดทะเลไทย จ.สมุทรสาครขนาด 70 ตัวต่อกิโลกรัม เฉลี่ยกิโลกรัมละ 139.00 บาท ราคาสูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 136.67 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 2.33 บาท
2.5 ปลาทู (ขนาดกลาง) ราคาปลาทูสดที่ชาวประมงขายได้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 74.59 บาท ราคาสูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 71.92 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 2.67 บาท
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ เฉลี่ยกิโลกรัมละ 80.00 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
2.6 ปลาหมึกกระดอง (ขนาดกลาง) ราคาปลาหมึกกระดองสดที่ชาวประมงขายได้สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ เฉลี่ยกิโลกรัมละ 220.00 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
2.7 ปลาเป็ดและปลาป่น ราคาปลาเป็ดที่ชาวประมงขายได้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 6.56 บาท ราคาลดลง จากกิโลกรัมละ 11.00 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 4.44 บาท
สำหรับราคาขายส่งกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ปลาป่นชนิดโปรตีน 60% ขึ้นไป ราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 34.00 บาท และปลาป่นชนิดโปรตีนต่ำกว่า 60% ราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 29.00 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา